Hetalia: Axis Powers - Taiwan

วันอาทิตย์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

โยฮันเนส กูเตนเบิร์ก (Johannes Gutenberg)



บิดาแห่งการพิมพ์ (ค.ศ. 1398-1468)
อัจฉริยะผู้สร้างเครื่องพิมพ์
สิ่งประดิษฐ์ที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกนานัปการ




     โยฮันเนส เจนส์ไฟลช์ ลาเดน ซูม กูเตนเบิร์ก (Johannes Gensfleisch zur Laden Zum Gutenberg) เกิดราวปี ค.ศ. 1398 ที่เมืองไมนซ์(Mainz) ประเทศเยอรมนี บิดาเป็นขุนนางขั้นสูงชั้นสูง ชื่อ ไฟร์ล เจนส์ไฟร์ล ซูร์ ลาเดน (FFriele Gensfleisch Zur Laden) ส่วนมารดาชื่อ เอลซ์ ไวริช (Else Wyrich)
ในวัยเด็ก กูเตนเบิร์กติดตามบิดาไปโบสถ์เพื่อดูการพิมพ์ภาพ และเห็นว่าการแกะสลักบล็อกไม้เป็นเรื่องยากส่งผลให้หนังสือมีราคาแพงและไม่ค่อยแพร่หลาย เขาจึงใฝ่ฝันอยากสร้างเครื่องที่สามารถพิมพ์หนังสือได้รวดเร็วนับแต่นั้นมา

       ต่อมาปี ค.ศ. 1475 วิลเลียม แคกซ์ตัน (William Caxton) ช่างพิมพ์ชาวอังกฤษ ได้พัฒนาเครื่องพิมพ์เพื่อตีพิมพ์หนังสือ Recuyell of the Histoyes of Troye นับเป็นหนังสือภาษาอังกฤษเล่มแรกของโลก






         แม้กูเตนเบิร์กจะไม่ใช่คนแรกที่คิดประดิษฐ์เครื่องพิมพ์ แต่สิ่งที่ปฎิเสธไม่ได้ก็คือ เขามีส่วนสำคัญนการทำให้วิทยาการต่างๆของโลกได้รับการเผยแพร่ กูเตนเบิร์กถึงแก่กรรมที่บ้านเกิด เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1468 ศพของเขาถูกนำไปฝังที่โบสถ์นิกายฟรังซิส (Franziskanerkiche) ซึ่งต่อมาโบสถ์แห่งนี้กับสุสานถูกทำลาย ทำให้หลุมศพของกูเตนเบิร์กหายสาบสูญไปด้วย


ผลกระทบต่อสังคมในปัจจุบัน

     การประดิษฐ์แท่นพิมพ์และระบบพิมพ์แบบใช้ตัวเรียง โดยนำโลหะอัลลอย มาหล่อเป็นตัวอักษรมีขนาดเท่ากันทุกตัว เมื่อจะพิมพ์ก็นำมาเรียงเป็นคำหรือประโยค   ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของ การปฏิวัติภูมิปัญญา ของชาติตะวันตกอย่างแท้จริง กูเตนเบิร์กได้รับการยกย่องให้เป็น บิดาของการพิมพ์ แต่ ส่งผลกระทบในวงกว้างต่อการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจ สังคม ศาสนา และการเมืองของยุโรปและของโลก โลก  ไม่ว่าจะเป็นช่วงเดียวกับยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา (Renaissance) หรือบทบาทของ Martin Luther ผู้นำศาสนาคริสต์นิกายโปรแตสแตนท์  

วันพุธที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2556




ชีวิตของเด็กใหม่ นิเทศศาสตร์การสื่อสารสื่อใหม่


                                      วันแรกกับชีวิตในรั้วมหาลัย เปรียบเหมือนเป็นจุดเริ่มต้นในการเข้ามาอยู่ในสถาบันแห่งนี้ ที่เมื่อก่อนเคยขึ้นชื่อว่าเป็นสถาบันครู  วันแรกในมหาวิทยาลัยแห่งนี้คือวันปฐมนิเทศเป็นวันที่ต้องเรียนรู้เกี่ยวกับกฎระเบียบของมหาลัยและตึกอาคารเรียนภายในมหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงราย  เพื่อเป็นเบื้องต้นก่อนการศึกษา


                                       


                                      วันนี้ฉันได้มา นั่งฟังการบรรยายต่างๆ นานา มันก็บ่าเบื่อพอสมควร แต่ก็ทนๆเอาเพื่ออนาคตที่สดใส เพราะต้องเริ่มจากจุดเริ่มต้นที่ดีก่อน ที่มหาลัยได้เชิญ คุณริว จิตสัมผัสมาที่ มหาลัยด้วยเพื่อมาบอกเกี่ยวกับบาปกรรม การมีเพศสัมพันธ์ขณะศึกษาอยู่ เป็นสิ่งที่นักศึกษาไม่ควรกระทำ หลังจากทำพิธีในหอประชุมเสร็จ รุ่นพี่มีการนัดหมายให้ไปพบกันที่ตึกของคณะซึ่งมีการพูดคุยเล็กน้อยเกี่ยวกับการนัดหมายเพื่อที่จะมาสานสัมพันธ์ระหว่างรุ่นพี่กับรุ่นน้องต่อ   วันถัดจากการปฐมนิเทศเสร็จรุ่นพี่ได้ทำการนัดหมายให้ปี 1 ให้มาพบกันที่ตึกคณะเพื่อนทำการสารสัมพันธ์ระหว่างรุ่นพี่กับรุ่นน้อง และมีแบบนี้เรื่อยๆ จนเปิดภาคเรียน 




                              วันที่ 3 มิถุนายน เป็นวันเปิดภาคเรียนวันแรก แต่เป็นวันจันทร์ ซึ่งวันนี้ฉันไม่มีเรียน แต่มีกิจกรรมสานสัมพันธ์รุ่นพี่นัด 3 โมงเย็นให้ไปร่วมกิจกรรม วันถัดมาเป็นการเรียนวันแรกจริงๆ เรียนวิชาหลักนิเทศศาสตร์ สอนเกี่ยวกับการสื่อสารระหว่างกัน อาจารย์ให้เราลองสนทนากับเพื่อนที่นั่งข้างๆ ในเวลา 3 นาที แล้วลองออกไปสนทนาให้เพื่อนในห้องฟังว่าสนทนาเรื่องอะไรกัน จากที่ลองฟังของหลายๆคนแล้ว ต่างก็สนทนาแบบที่แตกต่างกันออกไป  วันนี้อาจารย์มาแนะแนวทางในการสอนให้ฟังและวันนี้ไม่มีการบ้านให้ไปทำ เลิกเรียนแล้วเป็นเวลาประมาณ 11 โมง ไปทานข้าวกับเพื่อน ตอนบ่ายมีเรียนจริยธรรมกันต่อเป็นบางคน  ส่วนฉันไม่ได้เรียนเพราะลงเรียนกับเขาไม่ทัน แต่เย็นนี้มีกิจกรรมสานสัมพันธ์ต่อเลยต้องหาที่เพื่อรอเวลาไปร่วมกิจกรรมกับรุ่นพี่และเพื่อนๆ เรียนมหาลัยจะไม่พูดถึงกิจกรรมได้ยังไง ที่นี่มีกิจกรรมเยอะมากทั้งของมหาลัยและของคณะอีก  ถึงจะเยอะแค่ไหนฉันก็ไม่เคยโดดหรือขาดกิจกรรมเลย  เข้าทุกครั้งและวันที่ได้รุ่นเป็นของตัวเองเป็นอะไรที่ประทับใจที่สุด เจอรุ่นพี่เซอร์ไพรส์เป็นอะไรที่น่าตกใจจริง เพราะพี่เขาเล่นละครได้เก่งจริง ฉันเชื่อสนิทเลยที่โดนอำวันนั้น ร้องไห้ออกมาเฉยๆ เลย โดนล้อว่าขี้แงอีก แต่ก็มีความสุขแบบบอกไม่ถูกจริงๆ ที่ได้เป็นสายเลือดนิเทศศาสตร์แบบเต็มตัวแล้ว 





                                 เดือนนี้รู้สึกว่าแค่เดือนแรกแต่รู้สึกเหนื่อยแปลกๆ ทั้งกิจกรรมและการเรียนเพราะดูเหมือนการบ้านมันเยอะจริงๆ และฉันทำเกือบไม่ทันเพราะเรื่องกิจกรรมอีก แต่ไม่เป็นไรการเรียนมหาลัยต้องเจอแบบนี้อยู่แล้วสู้ต่อไปถ้าอยากจบ ไม่มีอะไรยากเกินความพยายามหรอก